นางน้อย กล่าวอีกว่า ที่บ้านเกิดเหตุอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ ตน ลูกชายร่างกายไม่สมประกอบ หลานสาววัย 7 ขวบที่ถูกข่มขืน และนายไก่ สามีใหม่ที่เพิ่งอยู่กินกัน โดยกรณีนี้ไม่ได้เกิดเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว แต่เกิดหลายครั้งแล้ว วันที่นายไก่เข้าเวรก็จะพา ด.ญ.อ้อย ไปด้วย อาจจะทำมิดีมิร้ายที่สำนักงานอุทยานด้วยก็ได้ นอกจากนั้น ด.ญ.อ้อย ยังเคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนที่โรงเรียนแล้วเพื่อนมาเล่าให้ญาติฟัง จนรู้ระแคะระคายมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว กระทั่งช่วงกลางวัน ตนไม่อยู่บ้าน นายไก่จึงก่อเหตุจนหลานร้องว่าเจ็บ ก่อนญาติจะเข้าไปเจอคาตาจึงร้องให้ชาวบ้านรุมทำร้ายนายไก่จนสะบักสะบอมด้วย ความโกรธแค้น
สำหรับ ด.ญ.อ้อย เป็นลูกของลูกสาว ตนนำมาเลี้ยงดูเพราะพ่อแม่แยกทางกัน ก่อนลูกสาวซึ่งเป็นแม่ของหลานจะไปทำงานที่ กทม. ตนเองจึงต้องนำมาเลี้ยงดู ต่อมาเมื่อประมาณ 2 เดือนเศษ ตนเองได้มาอยู่กินกับนายไก่ รู้มาบ้างว่าหลานถูกข่มขืนแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง จนญาติไปเจอคาตา โดยไม่คิดว่านายไก่จะทำเรื่องเลวทรามอย่างนี้ หากหลานไม่ร้องอาจจะไม่มีใครรู้ก็ได้ ในกรณีนี้มีชาวบ้านและญาติคนอื่นๆ ที่ไปเจอเหตุการณ์ขณะนายไก่ข่มขืนหลานสาวตน สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง และจะเอาเรื่องนายไก่ให้ถึงที่สุด นางน้อยกล่าว
ร.ต.ท.จเร พูลแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากญาติของเด็กแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำ ด.ญ.อ้อย ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร ต้องสอบต่อหน้าผู้ปกครอง พนักงานอัยการ และนักจิตวิทยา เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน และเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นไม่สามารถรู้ได้ เพราะเด็กไม่ยอมเปิดปากพูด รู้แต่เพียงญาติพี่น้องที่ให้การเท่านั้น ในขณะที่นายไก่นั้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยข่มขืนเด็กก็ถูกรุมซ้อมจนต้องรักษาตัว ในห้องไอซียู ต้องรอสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นผู้เสียหายที่โดนซ้อม และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปด้วย..
Cr :http://www.siamupdate.com/news-182459
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น